| 001-การทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท หลังการตรัสรู้ |
22180 |
|
|
| 002-สิ่งที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท |
13143 |
|
|
| 003-เห็นปฏิจจสมุปบาท คือเห็นพระพุทธองค์ |
10709 |
|
|
| 004-ปฏิจจสมุปบาท คืออริยญายธรรม |
9935 |
|
|
| 005-คนเราจิตยุ่ง เพราะไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท |
9229 |
|
|
| 006-ปฏิจจสมุปบาท เป็นชื่อแห่งทางสายกลาง |
9138 |
|
|
| 007-ทรงแนะนำอย่างยิ่ง ให้ศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาท |
9568 |
|
|
| 008-คนเราไม่ปรินิพพานในทิฏฐธรรม เพราะไม่สามารถตัดกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท |
9983 |
|
|
| 009-ความหมายของปฏิจจสมุปบาท แต่ละอาการ |
9408 |
|
|
| 010-ปฏิจจสมุปบาทแต่ละอาการ |
8166 |
|
|
| 011-ทรงขยายความปฏิจจสมุปบาท อย่างวิธีถามตอบ |
7744 |
|
|
| 012-ปัจจยาการแม้เพียงอาการเดียว ก็ยังตรัสเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท |
7448 |
|
|
| 013-แม้แสดงเพียงผัสสะให้เกิดเวทนา ก็ยังเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท |
6376 |
|
|
| 014-ทรงเปรียบปฏิจจสมุปบาทด้วยการขึ้นลง ของน้ำทะเล |
6389 |
|
|
| 015-การเห็นปฏิจจสมุปบาท ชื่อว่าการเห็นธรรม |
5705 |
|
|
| 016-ปฏิจจสมุปบาทคือกฎแห่งธรรมฐิติ- ธรรมนิยาม |
6478 |
|
|
| 017-ปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่องลึกและดูลึก |
5231 |
|
|
| 018-ปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่องลึกซึ้ง เท่ากับเรื่องนิพพาน |
6312 |
|
|
| 019-นรกเพราะไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทร้อนยิ่งกว่านรกไหนหมด |
5331 |
|
|
| 020-ผู้แสดงธรรมโดยหลักปฏิจจสมุปบาทเท่านั้น จึงชื่อว่า เป็นธรรมกถึก |
4975 |
|
|
| 021-ปฏิจจสมุปบาท ทำให้อยู่เหนือความมี และความไม่มีของสิ่งทั้งปวง |
5100 |
|
|
| 022-ไม่มีผู้นั้น หรือผู้อื่น ในปฏิจจสมุปบาท |
4969 |
|
|
| 023-กายนี้ไม่ใช่ของใคร เป็นเพียงกระแสปฏิจจสมุปบาท |
5264 |
|
|
| 024-ปฏิจจสมุปบาทเป็นธรรมที่ทรงแสดง เพื่อไม่ให้รู้สึกว่ามีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา |
5044 |
|
|
| 025-ปฏิจจสมุปบาท มีหลักว่า “ไม่มีตนเอง ไม่มีผู้อื่น ที่ก่อสุขและทุกข์” |
4749 |
|
|
| 026-การรู้ปฏิจจสมุปบาท เป็นหลักการพยากรณ์อรหัตตผล |
4545 |
|
|
| 027-เรื่องปฏิจจสมุปบาท คือเรื่องอริยสัจ |
5205 |
|
|
| 028-ปฏิจจสมุปบาททุกอาการมีลักษณะแห่งความเป็นอริยสัจสี่ |
4464 |
|
|
| 029-ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งแสดงการก่อขึ้นแห่งทุกข์ |
4092 |
|
|
| 030-ปฏิจจสมุปบาทซึ่งแสดงการดับลงแห่งทุกข์ |
4069 |
|
|
| 031-อริยสัจในรูปแห่งปฏิจจสมุปบาทมีในขณะแห่งเวทนา |
3979 |
|
|
| 032-อาการที่ยุ่งยากที่สุดของปฏิจจสมุปบาทคืออาการของตัณหา |
4050 |
|
|
| 033-ความเหนียวแน่นของสัสสตทิฏฐิ ปิดบังการเห็นอริยสัจสี่ |
3917 |
|
|
| 034-นัตถิกทิฏฐิปิดบังการเห็นอริยสัจสี่ |
3672 |
|
|
| 035-ปฏิจจสมุปบาทรวมอยู่ในบรรดาเรื่องที่ใครคัดค้านไม่ได้ |
3894 |
|
|
| 036-ปฏิจจสมุปบาทมีเมื่อมีการกระทบทางอายตนะ |
3745 |
|
|
| 037-ปฏิจจสมุปบาทดับได้กลางสาย |
3553 |
|
|
| 038-นันทิเกิดเมื่อใด ก็มีปฏิจจสมุปบาทเมื่อนั้น |
3576 |
|
|
| 039-นันทิดับเมื่อใด ปฏิจจสมุปบาทดับเมื่อนั้น |
3422 |
|
|
| 040-ในภาษาปฏิจจสมุปบาท กรรมให้ผล ในอัตตภาพที่กระทำกรรม |
3445 |
|
|
| 041-เห็นปฏิจจสมุปบาท คือฉลาดในเรื่องกรรม |
3404 |
|
|
| 042-นามรูปหยั่งลง เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอัสสาทะ |
3440 |
|
|
| 043-นามรูปไม่หยั่งลง เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอาทีนวะ |
3267 |
|
|
| 044-ปฏิจจสมุปบาท ที่ตรัสระคนกับปัญจุปาทานขันธ์ |
3617 |
|
|
| 045-ปฏิจจสมุปบาทจะมีได้แก่ทารก เฉพาะที่โตขึ้นถึงขนาดรู้สึกยึดถือในเวทนา |
3416 |
|
|
| 046-ปัจจยาการแห่งเวทนา โดยละเอียด |
3327 |
|
|
| 047-อายตนะ คือ จุดตั้งต้นของปฏิจจสมุปบาท |
3291 |
|
|
| 048-การเกิดขึ้นแห่งไตรทวารขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นแห่งอวิชชาของปฏิจจสมุปบาท |
3197 |
|
|
| 049-อวิชชาสัมผัส คือต้นเหตุอันแท้จริงของปฏิจจสมุปบาท |
3478 |
|
|
| 050-นามรูปก้าวลง เมื่ออนุสัยก่อขึ้น |
3379 |
|
|
| 051-ตัณหาเกิดขึ้น เมื่ออนุสัยก่อขึ้น |
3182 |
|
|
| 052-ภพใหม่เกิดขึ้น เมื่ออนุสัยก่อขึ้น |
3051 |
|
|
| 053-การหยั่งลงแห่งวิญญาณเกิดมีขึ้น เมื่อเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอัสสาทะ |
3082 |
|
|
| 054-การหยั่งลงแห่งวิญญาณไม่มี เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรมโดยความเป็นอาทีนวะ |
3014 |
|
|
| 055-การเกิดแห่งโลก คือการเกิดแห่งกระแสปฏิจจสมุปบาท ที่เกิดขึ้นในใจคน ทุกคราวไป |
2907 |
|
|
| 056-การดับแห่งโลก คือการดับแห่งกระแสปฏิจจสมุปบาท ที่ดับลงในใจคน ทุกคราวไป |
2943 |
|
|
| 057-ทรงแสดงอัตตวาทุปาทานในลักษณะแห่งปฏิจจสมุปบาท |
3047 |
|
|
| 058-เวทนาในปฏิจจสมุปบาท ให้เกิดอนุสัยสาม |
2867 |
|
|
| 059-ปฏิจจสมุปบาทแห่งการเกิดสังขาร ๔ ประเภท |
2678 |
|
|
| 060-การดับตัณหาเสียได้ก่อนแต่จะเกิดอุปาทาน |
2879 |
|
|
| 061-การสิ้นกรรม ตามแบบของปฏิจจสมุปบาท |
2766 |
|
|
| 062-อายตนะยังไม่ทำหน้าที่ ปัญจุปาทานขันธ์ ก็ยังไม่เกิด |
2990 |
|
|
| 063-ปัญจุปาทานขันธ์เพิ่งจะมี เมื่อเกิดเวทนาในปฏิจจสมุปบาท |
2530 |
|
|
| 064-การเกิดแห่งโลก คือการเกิดแห่งปฏิจจสมุปบาท |
2506 |
|
|
| 065-ทุกข์เกิดเพราะเห็นอุปาทานิยธรรม โดยความเป็นอัสสาทะ |
2475 |
|
|
| 066-ทุกข์เกิด เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรม โดยความเป็นอัสสาทะ |
2471 |
|
|
| 067-แดนเกิดดับแห่งทุกข์ โรค ชรา มรณะ |
2850 |
|
|
| 068-การดับแห่งโลก คือการดับแห่งปฏิจจสมุปบาท |
2652 |
|
|
| 069-ปฏิจจสมุปบาท (นิโรธวาร) ที่ตรัสอย่างเข้าใจง่ายที่สุด |
2530 |
|
|
| 070-ทุกข์ดับ เพราะเห็นอุปาทานิยธรรม โดยความเป็นอาทีนวะ |
2451 |
|
|
| 071-ทุกข์ดับ เพราะเห็นสัญโญชนิยธรรม โดยความเป็นอาทีนวะ |
2287 |
|
|
| 072-ตรัสว่า เรื่องปฏิจจสมุปบาท เป็นเบื้องต้น แห่งพรหมจรรย์ |
2312 |
|
|
| 073-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องเที่ยวแสวงหาครู |
2261 |
|
|
| 074-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องทำการศึกษา |
2232 |
|
|
| 075-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องบำเพ็ญโยคะ |
2292 |
|
|
| 076-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องประกอบฉันทะ |
2277 |
|
|
| 077-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องบำเพ็ญอุสโสฬหี |
2361 |
|
|
| 078-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องบำเพ็ญอัปปฏิวานี |
2349 |
|
|
| 079-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องประกอบความเพียรแผดเผากิเลส |
2294 |
|
|
| 080-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องประกอบวิริยะ |
2327 |
|
|
| 081-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องประกอบการกระทำอันติดต่อ |
2122 |
|
|
| 082-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องอบรมสติ |
2280 |
|
|
| 083-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องอบรมสัมปชัญญะ |
2288 |
|
|
| 084-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ยังมีหน้าที่ ต้องบำเพ็ญความไม่ประมาท |
2057 |
|
|
| 085-ทรงมุ่งหมายให้ปฏิจจสมุปบาทเป็นเรื่องการปฏิบัติ |
2136 |
|
|
| 086-การหลีกเร้นทำให้ง่ายแก่การรู้ปฏิจจสมุปบาท |
2174 |
|
|
| 087-การคิดค้นปฏิจจสมุปบาท ก็คือการเดินตามอริยอัฏฐังคิกมรรค |
2061 |
|
|
| 088-ปฏิบัติเพื่อการดับปฏิจจสมุปบาท ชื่อว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม |
2047 |
|
|
| 089-การดับทุกข์มีได้ด้วยการคบสัปปบุรุษ |
2024 |
|
|
| 090-ผัสสะ คือนิทานสัมภวะส่วนมากของนิพเพธิกธรรม |
2163 |
|
|
| 091-ปฏิจจสมุปบาทแห่งการกำจัดอุปสรรคขณะเจริญสติปัฏฐาน |
2172 |
|
|
| 092-ปฏิจจสมุปบาท เพื่อสามัญญผลในปัจจุบัน |
2101 |
|
|
| 094-ปฏิจจสมุปบาท เป็นสิ่งที่ต้องเห็นด้วยยถาภูตสัมมัปปัญญา |
2468 |
|
|
| 095-แม้การทำความเพียรในที่สงัด ก็ยังต้องปรารภขันธ์ห้า ตามวิธีการของปฏิจจสมุปบาท |
2067 |
|
|
| 096-แม้สุขทุกข์ในภายใน ก็เกิดขึ้นเพราะปรารภขันธ์ห้า |
2133 |
|
|
| 097-ต้นเงื่อนของปฏิจจสมุปบาท ละได้ด้วยการเห็นธรรมทั้งปวงว่าไม่ควรยึดมั่น |
2199 |
|
|
| 098-ต้นเงื่อน แห่งปฏิจจสมุปบาท ละได้ด้วยการเห็นอนิจจัง |
2310 |
|
|
| 099-อาการแห่งอนิจจัง โดยละเอียด |
2178 |
|
|
| 100-เคล็ดลับในการปิดกั้นทางเกิดแห่งปฏิจจสมุปบาท |
2301 |
|
|
| 101-การพิจารณาปัจจัยในภายใน คือการพิจารณาปฏิจจสมุปบาท |
2125 |
|
|
| 102-ธรรมปฏิบัติในรูปของปฏิจจสมุปบาท แห่งการละองค์สามตามลำดับ |
2235 |
|
|
| 103-วิธีปฏิบัติต่ออาหารสี่ในลักษณะที่เป็นปฏิจจสมุปบาท |
2203 |
|
|
| 104-การพิจารณาสภาวธรรม ตามวิธีปฏิจจสมุปบาทกระทั่งวาระสุดท้าย |
2118 |
|
|
| 105-อนุสัยไม่อาจจะเกิด เมื่อรู้เท่าทันเวทนา ในปฏิจจสมุปบาท |
2047 |
|
|
| 106-ปฏิจจสมุปบาทสลายตัว เมื่อรู้แจ้งธรรมห้า อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน |
2087 |
|
|
| 107-ญาณวัตถุ ๔๔ ในปฏิจจสมุปบาท เพื่อความเป็นโสดาบัน |
2003 |
|
|
| 108-ญาณวัตถุ ๗๗ ในปฏิจจสมุปบาท เพื่อความเป็นโสดาบัน |
1933 |
|
|
| 109-การรู้ปฏิจจสมุปบาท ไม่เกี่ยวกับการบรรลุอภิญญาเลยก็ได้ |
1945 |
|
|
| 110-ปฏิจจสมุปบาทรอบสุดท้ายของคนเรา |
2034 |
|
|
| 111-จิตสัตว์ยุ่งเป็นปม เพราะไม่เห็นแจ้งปฏิจจสมุปบาท |
2237 |
|
|
| 112-ผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท โดยอาการแห่งอริยสัจสี่ ไม่สามารถก้าวล่วงปฏิจจสมุปปันนธรรม |
2025 |
|
|
| 113-สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจปฏิจจสมุปบาท ยึดถือกายเป็นตัวตน |
1874 |
|
|
| 114-ทิฏฐิและการหยั่งลงแห่งทิฏฐิ เนื่องมาจากการยึดซึ่งขันธ์ทั้งห้า |
2407 |
|
|
| 115-ไม่ควบคุมรากฐานแห่งปฏิจจสมุปบาทจึงเกิดทุกข์ |
1870 |
|
|
| 116-คนพาลกับบัณฑิตต่างกันโดยหลักปฏิจจสมุปบาท |
2113 |
|
|
| 117-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทโดยนัยสี่ |
2013 |
|
|
| 118-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ชรามรณะโดยนัยสี่ |
1758 |
|
|
| 119-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ชาติโดยนัยสี่ |
1884 |
|
|
| 120-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ภพโดยนัยสี่ |
2068 |
|
|
| 121-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้อุปาทานโดยนัยสี่ |
1866 |
|
|
| 122-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ตัณหาโดยนัยสี่ |
1972 |
|
|
| 123-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้เวทนาโดยนัยสี่ |
1994 |
|
|
| 124-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ผัสสะโดยนัยสี่ |
2079 |
|
|
| 125-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้สฬายตนะโดยนัยสี่ |
1914 |
|
|
| 126-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้นามรูปโดยนัยสี่ |
1939 |
|
|
| 127-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้ วิญญาณโดยนัยสี่ |
1988 |
|
|
| 128-เป็นสมณะหรือไม่เป็นสมณะ ขึ้นอยู่กับการรู้หรือไม่รู้สังขารโดยนัยสี่ |
1871 |
|
|
| 129-การคุ้มครองผัสสายตนะ ๖ |
1928 |
|
|
| 130-ปฏิจจสมุปบาทอาการหนึ่ง (นันทิให้เกิดทุกข์) ถ้าเห็นแล้วทำให้หยุดความมั่นหมาย |
2168 |
|
|
| 131-พอรู้ปฏิจจสมุปบาท ก็หายตาบอดอย่างกระทันหัน |
1819 |
|
|
| 132-เพราะรู้ปฏิจจสมุปบาท จึงหมดความสงสัยเรื่องตัวตนทั้ง ๓ กาล |
1754 |
|
|
| 133-การรู้เรื่องปฏิจจสมุปบาท ทำให้หมดปัญหาเกี่ยวกับขันธ์ในอดีตและอนาคต |
1829 |
|
|
| 134-ผลอานิสงส์ พิเศษ ๘ ประการ ของการเห็นปฏิจจสมุปบาท |
1994 |
|
|
| 135-ผู้รู้ปฏิจจสมุปบาท โดยอาการแห่งอริยสัจทั้งสี่ ย่อมสามารถก้าวล่วงปฏิจจสมุปปันนธรรม |
1948 |
|
|
| 136-อานิสงส์ ของการถึงพร้อมด้วยทัสสนทิฏฐิ |
2183 |
|
|
| 137-ผู้เสร็จกิจในปฏิจจสมุปบาท ชื่อว่าผู้บรรลุนิพพาน ในปัจจุบัน |
2027 |
|
|
| 138-อานิสงส์สูงสุด ของการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทอย่างถูกวิธี |
2035 |
|
|
| 139-อุปะปริกขีในปฏิจจสมุปบาท เป็นอุดมบุรุษ |
1924 |
|
|
| 140-ภัยทั้งหลายใดๆก็ตาม ย่อมไม่เกิดจากบัณฑิต |
1799 |
|
|
| 141-ทรงเดินตามรอย แห่งพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ |
2158 |
|
|
| 142-การคิดค้นปฏิจจสมุปบาท ก่อนการตรัสรู้ |
1861 |
|
|
| 143-การคิดค้นปฏิจจสมุปบาท ของพระพุทธเจ้าในอดีต ๖ พระองค์ |
1794 |
|
|
| 144-ทรงบันลือสีหนาท เพราะทรงรู้ปัจจัยแห่งความเกิดและความดับ |
1842 |
|
|
| 145-ทรงพยากรณ์แต่อริยญายธรรมเท่านั้น |
1724 |
|
|
| 146-ทรงชักชวนวิงวอนเหลือประมาณ ในความเพียรเพื่อกิจเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท |
1780 |
|
|
| 147-ทรงแสดงธรรมเนื่องด้วยปฏิจจสมุปบาท มีความงามเบื้องต้น - ท่ามกลาง - เบื้องปลาย |
1880 |
|
|
| 148-ศาสดาและสาวก ย่อมมีการกล่าวตรงกันในเรื่องปฏิจจสมุปบาท |
1953 |
|
|
| 149-ทรงกำชับสาวกให้เล่าเรียนปฏิจจสมุปบาท |
1726 |
|
|
| 150-ไม่รู้เรื่องรากฐานแห่งปฏิจจสมุปบาท ก็ยังไม่ใช่สาวกในศาสนานี้ |
1908 |
|
|
| 151-อริยสาวก ย่อมรู้ปฏิจจสมุปบาท โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่น |
1759 |
|
|
| 152-อริยญายธรรมคือการรู้เรื่องปฏิจจสมุปบาท |
1756 |
|
|
| 153-การสนทนาของพระมหาสาวก (เรื่องปฏิจจสมุปบาท) |
1790 |
|
|
| 154-เวทนาของปุถุชน ต่างจากของอริยสาวก |
1834 |
|
|
| 155-อริยสาวกรู้ความเกิดและความดับของโลกอย่างไม่มีที่สงสัย |
2081 |
|
|
| 156-พระโสดาบัน คือผู้เห็นชัดปฏิจจสมุปบาท โดยวิธีแห่งอริยสัจสี่ |
1848 |
|
|
| 157-โสตาปัตติยังคะขึ้นอยู่กับการรู้ปฏิจจสมุปบาทของอริยสาวก |
1708 |
|
|
| 158-สามัญญผลในพุทธศาสนา เทียบกันไม่ได้ กับในลัทธิอื่น |
1786 |
|
|
| 159-ปฏิจจสมุปบาท ที่ซ้อนอยู่ในปฏิจจสมุปบาท |
1788 |
|
|
| 160-ปฏิจจสมุปบาทแบบที่ตรัสโดยพระพุทธเจ้าวิปัสสี |
2045 |
|
|
| 161-ปฏิจจสมุปบาทแบบที่ตรัสเหมือนแบบของพระพุทธเจ้าวิปัสสี |
1834 |
|
|
| 162-ปฏิจจสมุปบาทแบบที่ตั้งต้นด้วย อารัมมณเจตน-ปกัปปน-อนุสยะ |
1729 |
|
|
| 163-ปฏิจจสมุปบาท (สมุทยวาร) ที่ตรัสอย่างย่อที่สุด |
1793 |
|
|
| 164-ปฏิจจสมุปบาท (ทั้งสมุทยะและนิโรธวาร) ที่ตรัสอย่างสั้นที่สุด |
1787 |
|
|
| 165-ปฏิจจสมุปบาทแห่งอาหารสี่ |
1643 |
|
|
| 166-ปฏิจจสมุปบาทแห่งอาหารสี่ เพื่อภูตสัตว์ และ สัมภเวสีสัตว์ |
1811 |
|
|
| 167-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง อภัททกาลกิริยา (ตายชั่ว) |
1859 |
|
|
| 168-ปฏิจจสมุปบาท แห่งทุพพลภาวะ ของมนุษย์ |
1949 |
|
|
| 169-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง มิคสัญญีสัตถันตรกัปป์ |
1893 |
|
|
| 170-ปฏิจจสมุปบาทแห่งอารัมมณลาภนานัตตะ |
1707 |
|
|
| 171-ปฏิจจสมุปบาท แห่งการปฏิบัติผิดโดยไตรทวาร |
1885 |
|
|
| 172-ปฏิจจสมุปบาท แห่งการปฏิบัติชอบโดยไตรทวาร |
1704 |
|
|
| 173-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง การรบราฆ่าฟันกัน |
1831 |
|
|
| 175-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง การอยู่อย่างมี “เพื่อนสอง” |
1857 |
|
|
| 176-ปฏิจจสมุปบาท แห่งการอยู่อย่าง “คนเดียว” |
1874 |
|
|
| 177-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง การอยู่ด้วยความประมาท |
1870 |
|
|
| 178-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง ปปัญจสัญญาสังขาสมุทาจรณะ |
1880 |
|
|
| 179-ปฏิจจสมุปบาทแห่งปปัญจสัญญา อันทำความเนิ่นช้า แก่การละอนุสัย |
2478 |
|
|
| 180-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง การดับปปัญจสัญญาสังขาร |
1967 |
|
|
| 181-ปฏิจจสมุปบาท ที่ยิ่งกว่าปฏิจจสมุปบาท |
1755 |
|
|
| 182-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง อาหารของอวิชชา |
1965 |
|
|
| 183-ปฏิจจสมุปบาท แห่งอาหารของภวตัณหา |
1859 |
|
|
| 184-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง อาหารของวิชชาและวิมุตติ |
1771 |
|
|
| 185-ปฏิจจสมุปบาทแห่งวิชชาและวิมุตติ |
1841 |
|
|
| 186-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง ปฏิสรณาการ |
1795 |
|
|
| 187-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง สัจจานุโพธ และผลถัดไป |
1636 |
|
|
| 188-ปฏิจจสมุปบาทแห่งการอยู่ด้วยความประมาทของอริยสาวก |
1857 |
|
|
| 189-ปฏิจจสมุปบาท แห่งการขาดที่อิงอาศัยสำหรับวิมุตติญาณทัสสนะ |
1843 |
|
|
| 190-ปฏิจจสมุปบาทเพื่อความสมบูรณ์แห่งอรหัตตผล |
1705 |
|
|
| 191-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง บรมสัจจะ |
1708 |
|
|
| 192-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง สุวิมุตตจิต |
1768 |
|
|
| 193-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง การปรินิพพานเฉพาะตน |
1819 |
|
|
| 194-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง การดับอุปาทานสี่ |
1726 |
|
|
| 195-ปฏิจจสมุปบาท แห่ง ความสิ้นสุดของโลก |
2163 |
|
|
| 196-สัมมาทิฏฐิ คือ ทิฏฐิที่ปราศจากอัตถิตาและนัตถิตา |
1946 |
|
|
| 197-ปฏิจจสมุปบาท มีหลักว่า“ไม่มีตนเอง ไม่มีผู้อื่น ที่ก่อทุกข์” |
1995 |
|
|
| 198-แม้ทุกข์ในลัทธิทั้งหลายอื่น ก็มีผัสสะเป็นจุดตั้งต้น |
1836 |
|
|
| 199-พวกกัมมวาทีทุกพวก กับหลักปฏิจจสมุปบาท |
1900 |
|
|
| 200-เงื่อนงำที่อาจนำไปสู่สัสสตทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ ในอาการหนึ่ง ๆ ของปฏิจจสมุปบาท |
1920 |
|
|
| 201-โลกายตะ ๔ ชนิด ที่ทรงปฏิเสธ |
1874 |
|
|
| 202-ทิฏฐิชั้นหัวหน้า ๑๘ อย่าง ล้วนแต่ปรารภธรรมที่เป็นฐานะ ๖ อย่าง |
1922 |
|
|
| 203-ทิฏฐิ ๒๖ อย่าง ล้วนแต่ปรารภขันธ์ห้า |
1871 |
|
|
| 204-อันตคาหิกทิฏฐิ สิบ ๒,๒๐๐ นัย ล้วนแต่เป็นไปในขันธ์ห้า ล้วนแต่ปิดบังการเห็นปฏิจจสมุปบาท |
1765 |
|
|
| 205-ผัสสะ คือปัจจัยแห่งทิฏฐิ ๖๒ |
1664 |
|
|
| 206-ทิฏฐิ ๖๒ เป็นเพียงความรู้สึกผิด ๆ ของผู้ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท |
1800 |
|
|
| 207-ผัสสะ (แห่งปฏิจจสมุปบาท) คือที่มาของทิฏฐิ ๖๒ |
1806 |
|
|
| 208-ทิฏฐิ ๖๒ เป็นผลของการไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท |
1798 |
|
|
| 209-ถ้ารู้ปฏิจจสมุปบาท ก็จะไม่เกิดทิฏฐิอย่างพวกตาบอดคลำช้าง |
1686 |
|
|
| 210-ทรงขยายความปฏิจจสมุปบาท อย่างประหลาด |
1845 |
|
|
| 211-ธาตุ ๓ อย่าง เป็นที่ตั้งแห่งความเป็นไปได้ของปฏิจจสมุปบาท |
1869 |
|
|
| 212-ปฏิจจสมุปบาท คือเรื่องความไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา |
1868 |
|
|
| 213-ที่สุดแห่งปฏิจจสมุปบาท คือที่สุดแห่งภพ |
1905 |
|
|
| 214-ธรรมไหลไปสู่ธรรม โดยไม่ต้องมีใครเจตนา |
2152 |
|
|
| 215-แม้พระพุทธองค์ก็ทรงสาธยายปฏิจจสมุปบาท |
4633 |
|
|
| 216-เรื่องปฏิจจสมุปบาทรวมอยู่ในเรื่องที่พุทธบริษัทควรทำสังคีติ |
2270 |
|
|